high angle shot of a busy street and night market in city

Photo by Tony Wu on Pexels.com

ใต้แสงไฟล็อบบี้โรงแรม กับความฝันของเด็กต่างจังหวัด

“แม่ หนูได้เกรด A ตั้ง 5 ตัว หนูเก่งไหมแม่”

เสียงของน้องแคชเชียร์คนหนึ่งดังขึ้นในร้านสะดวกซื้อ ขณะที่ผมนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงมุมหนึ่ง เสียงนั้นไม่ได้พูดกับผมหรอก แต่ก็ดังและชัดเจนพอจะดึงความสนใจจนเผลอหันไปมอง น้องกำลังโทรหาแม่ด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความดีใจ ปลายสายคงยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ

เพียงประโยคสั้น ๆ แต่กลับทำให้หัวใจอบอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

มันพาผมย้อนกลับไปในวันหนึ่ง…วันที่ยังเป็นนักศึกษาที่ต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ไม่ได้เพราะอยากแสดงความเก่งกว่าใคร แต่เพราะไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว รู้ดีว่าทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว

ผมเคยทำงานกะดึกในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่คึกคักเท่าทุกวันนี้ ย่านนั้นคือแถวนิมมานฯ ที่ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวและคาเฟ่เก๋ ๆ มากมาย

สมัยนั้น งานที่ทำคือรับแขกเช็คอินช่วงดึกในโรงแรมระดับสองถึงสามดาว โรงแรมแบบนี้มักจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาทำงานกลางคืน เพราะไม่ต้องจ่ายค่าจ้างสูงเท่าพนักงานประจำ และพวกเราก็พร้อมทำ เพราะมันเป็นโอกาสที่ดี ได้ทั้งประสบการณ์ ได้ฝึกความรับผิดชอบ และที่สำคัญ คือได้เงินมาแบ่งเบาภาระครอบครัว

แต่สิ่งที่ผมยังจำได้จนถึงวันนี้คือความเมตตาของเจ้าของโรงแรม แม้จะเริ่มต้นในฐานะพาร์ทไทม์ แต่เพราะเราตั้งใจทำงาน และพยายามเรียนรู้ทุกอย่าง เจ้าของก็มองเห็นความขยันนั้น และสุดท้ายก็จ่ายค่าจ้างและให้เงินเดือนเท่ากับพนักงานประจำของโรงแรมไปเลย ทั้งที่ยังเรียนไม่จบ

สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่นั่นคือการยอมรับ เป็นการบอกกลาย ๆ ว่า “เห็นนะว่าตั้งใจ” และสิ่งนั้นแหละที่ทำให้รู้สึกขอบคุณและระลึกถึงอยู่เสมอ

ระหว่างกะทำงาน ถ้าไม่มีแขกเข้าพัก ก็จะใช้เวลาอ่านหนังสือใต้แสงไฟในล็อบบี้ หรือบางคืนก็อาศัยแอบพักสายตาใต้เคาน์เตอร์บ้าง ถ้ามีแขกมา ก็ลุกขึ้นไปรับ ยื่นกุญแจ ส่งรอยยิ้ม แล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ

หากไม่ได้ทำงานในคืนนั้น ก็จะอ่านหนังสือที่บ้าน ซึ่งบ้านก็ไม่ได้มีโต๊ะเขียนหนังสือดี ๆ หรู ๆ อะไร โต๊ะรีดผ้าคือโต๊ะอ่านหนังสือชั่วคราว อ่านจนถึงตีสามตีสี่แล้วก็หลับไป ตื่นเช้ามาสอบต่อ ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ จนเรียนจบ

ความเหนื่อยนั้น…มันหนักในบางวัน แต่ทุกครั้งที่ได้เกรดดี ก็รู้สึกเหมือนได้รางวัล เป็นเหมือนเสียงในหัวบอกว่า “เราทำได้”

ชีวิตคนต่างจังหวัดที่มาเรียนในเมือง ทุกอย่างต้องแลกด้วยค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเดินทาง การจะขอเงินจากบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย ทางเดียวคือพยายามด้วยตัวเองให้มากที่สุด เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย มันอาจจะเหนื่อย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือบทเรียนชีวิตที่มีค่ามาก

ผมนั่งมองน้องแคชเชียร์คนนั้นแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ น้องคงผ่านอะไรมาไม่น้อยเช่นกัน งานในร้านสะดวกซื้อไม่ใช่งานเบาเลย แต่ยังสามารถเรียนได้ดีขนาดนี้ สมควรได้รับคำชื่นชมอย่างจริงใจ

เพื่อนร่วมงานของน้องก็แซวขำ ๆ
“จบแล้วก็ไปนะลูก อย่ามาอยู่แถวนี้”
เสียงหัวเราะดังขึ้น น้องเองก็ยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเดินหายไปจากกะงานในวันนั้น

ผมนั่งอยู่ตรงนั้น ยิ้มตามไปด้วย มันไม่ใช่แค่เรื่องของน้อง แต่เป็นเรื่องของใครหลายคนที่กำลังพยายามเดินตามฝันของตัวเอง แม้จะต้องเหนื่อย แม้จะมีอุปสรรค แต่ทุกความพยายามย่อมมีคุณค่าเสมอ

บางครั้ง แรงบันดาลใจ ไม่จำเป็นต้องมาจากเวทีใหญ่โต หรือคำพูดของใครที่มีชื่อเสียง
แค่คำพูดธรรมดาในร้านสะดวกซื้อ…ก็สามารถปลุกพลังใจในวันธรรมดาให้เราลุกขึ้นสู้อีกครั้งได้เหมือนกัน

About The Author


Discover more from journan journey

Subscribe to get the latest posts sent to your email.

JourNan JourNey

Adventure Awaits – From Journeys to Investments!

Categories