
Photo by Anna Nekrashevich on Pexels.com
โชคไม่ได้เข้าข้าง แต่กราฟต่างหากจะช่วยชีวิตคุณ
ในบรรดาการเทรดที่ดูจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำและเห็นผลไวที่สุด การเทรดคริปโตแบบ Futures ดูจะให้ผลตอบแทนล่อตาล่อใจเป็นแน่แท้ บางคนเทรดด้วยความคึกคะนอง จิ้มเลือกสุ่มเลือก เดาเอาไปเองว่าทิศทางมันน่าจะขึ้นหรือฉันว่ามันน่าจะลงต่ออะไรแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ถ้าใช้ความรู้สึกแบบนี้คงไม่ไหวแน่ การใช้กราฟเข้าช่วยดูจะทำให้การเทรดมีชีวิตชีวาสดใสซาบซ่าป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้เปราะหนึ่งเลยทีเดียว
Futures เป็นการเทรดแบบดูทิศทางว่าจะมีแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง และซื้อขายแบบมาเร็วไปเร็ว จะทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืนหรือทิ้งไว้เป็นรายสัปดาห์ก็ได้ แต่อย่าลืมดู Liquidity หรือวงเงินจำกัดที่จะลดลงเรื่อยๆด้วย ถ้าราคาขยับเข้าใกล้เมื่อไหร่ พอร์ตอาจจะถูกล้างหรือสั่งให้ขายทันที ผลก็คือ เงินที่มีในพอร์ตอาจจะหายเกลี้ยงในพริบตา !!
การเทรดแบบนี้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงเทคนิคกราฟเข้าช่วย จะทำให้ป้องกันความเสียหายหรือผิดพลาดได้ในระดับหนึ่ง ตัวชี้วัดที่นิยมใช้กันส่วนมากคงไม่พ้นค่า RSI , MACD, Volume หรืออื่นๆแล้วแต่ความถนัด ถ้าใครยังไม่มีพื้นฐานค่าวิเคราะห์พวกนี้ก็ต้องยอมเรียน ยอมค้นคว้า ยอมศึกษาก่อนจะมาเทรดนะ นี่คือ ยันต์กันภัยที่ดีทีเดียว
นอกจากนั้นแล้วต้องอาศัยทักษะ ชั้นเชิง ประสบการณ์ในการคิดวิเคราะห์ตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนด้วย การเลือกจิ้มวางแล้วสุ่มเทรด ไม่ช่วยให้การซื้อขายปลอดภัย แต่หากจะเป็นการสุ่มเสี่ยงเกินไปมากๆ
หนึ่งในตัวชี้วัดเช่น RSI จะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้แบบสบายใจ ที่นิยมใช้กันอย่างค่า RSI ตัวชี้วัดตัวนี้ยิ่งควรศึกษาทำความเข้าใจให้มาก เพราะบ่งบอกถึงแรงซื้อและแรงขายที่มีในตลาด โดยเฉพาะช่วงไหนที่ค่า RSI มีตัวเลขชี้วัดที่สูงมาก (ค่าเฉลี่ยประมาณ 30-70)
ค่าที่วิ่งไปใกล้ 70 มากเท่าไหร่ แสดงว่า มีแรงซื้อวิ่งประทุมาจำนวนมาก ดันราคาขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อถึงระดับหนึ่งแล้วแรงซื้อมีมากเกินไป ก็จะเกิดการเทขาย กราฟจะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นแท่งสีแดงเดือดทันที โอกาสนี้จะเป็นนาทีที่หลายคนอาจจะกังวลใจเมื่อถือราคาไว้และราคาหลุดลงแบบทันทีทันใด แต่โดยธรรมชาติของการเทรด เมื่อแดงได้ก็เขียวได้ แรงขายที่เทขายกันกระหน่ำ อาจจะเป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวหรือแค่เป็นการพักฐานก็ได้ อีกทั้งค่านี้บางทีอาจจะวิ่งสูงเลย 70 ก็เป็นได้ เราจึงไม่อาจประเมินด้วยค่า RSI เพียงค่าเดียวเสมอไป หากยังต้องใช้ตัวชี้วัดอื่นประกอบด้วย
ในทางตรงกันข้ามค่าที่วิ่งไปใกล้ 30 มากเท่าไหร่ แสดงว่ามีแรงขายลงมาอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกว่าอาจจะมีการกลับตัวเพื่อดันราคาขึ้นอีกครั้ง เพราะมีการขายที่ล้นมากเกินไป เมื่อราคาวิ่งต่ำลงไปอย่างมาก ก็จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา เป็นการกลับตัวเพื่อทำกำไรอีกครั้ง โอกาสของนักเทรดที่ดี ควรจะซื้อในช่วงราคาที่อยู่ในระดับนี้ เพราะจะได้ต้นทุนที่ต่ำและทำกำไรจากการเทรดได้บ้าง
อย่างที่กล่าวข้างต้น การใช้ตัวชี้วัดเพียงตัวเดียวอาจไม่เพียงพอ คุณต้องดูจุดแนวรับ แนวต้าน หรือช่วงของราคาที่จะวิ่งลงมาชนขอบของราคานั้นๆเอาไว้ด้วย ราคาแนวต้าน เป็นเสมือนเพดานราคาที่ตัวกราฟเมื่อวิ่งมาชนก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ วิ่งยังไงก็ไม่ผ่าน แบบนี้แหละเรียกว่า แนวต้าน เพราะเหมือนเป็นกำแพงกันไว้ ไม่ให้ผ่านไปได้ง่ายๆ ยิ่งเจอค่านี้ซ้ำไปเท่าไหร่ จะยิ่งบอกได้ว่า แนวต้านนี้สำคัญ เช่นเดียวกันกับ แนวรับ จะเป็นเหมือนพื้นห้อง ที่กราฟเมื่อวิ่งหล่นลงมากระทบเมื่อไหร่ ก็จะเด้งกลับทันทีเหมือนเราตีลูกปิงปองสะท้อนกลับ คือ ราคาเหมือนจะลง แต่พอเจอเส้นแนวรับเมื่อไหร่ ก็พร้อมที่จะส่งราคาให้กลับขึ้นไปเช่นเดิม ไม่ยอมให้ทะลุลงมายังชั้นล่างๆราคาต่ำ ยิ่งแนวไหนที่เจอแบบนี้ซ้ำบ่อยและถี่ นั่นก็แสดงว่าเป็น แนวรับสำคัญ เช่นเดียวกัน การจะทำกำไร เราจึงควรจะหาโอกาสเข้าซื้อในราคาแนวรับสำคัญหลักเหล่านี้นั่นเอง
เดี๋ยวบทความหน้าจะมาว่ากันต่อเกี่ยวกันตัวชี้วัดอื่นที่จำเป็น ซึ่งจะไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่อาศัยการใช้ฝึกดูประกอบและเห็นว่ามีประโยชน์ เพื่อการเทรดอย่างปลอดภัยครับ