man in white shirt using macbook pro

Photo by Tim Gouw on Pexels.com

อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ชีวิตมันสั้น

ที่ผ่านมา เวลาที่เราอยากทำอะไรที่มันอยู่นอกเหนือจากเส้นทางที่เราคุ้นเคย มันมักจะมีเสียงในหัวคอยกังวลว่า “คนอื่นจะคิดยังไง” บางทีอาจจะเป็นเพราะสังคมที่เราถูกเลี้ยงดูมา สังคมที่คาดหวังว่าเราจะเดินไปในเส้นทางที่ “ถูกต้อง” หรือ “เหมาะสม” ตามมาตรฐานของมัน

บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเราแคร์สายตาคนอื่นมากเกินไป จนกระทั่งมีใครสักคนพูดบางอย่างที่ทำให้เราฉุกคิด อย่างตอนที่เรานั่งกินข้าวกับเพื่อนร่วมรุ่นในคลาสเรียนนวดแผนไทย เราบอกเขาว่าเราไม่ได้บอกใครเลยว่าเรามาเรียนเรื่องนี้ แล้วน้องคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “มันก็เรื่องของเรามั๊ย” แค่นั้นแหละ เหมือนมีคนสะกิดให้ตื่น

เออ จริงของเขา เราจะทำอะไรก็เรื่องของเรา ทำไมต้องกลัวคนอื่นจะมองว่าเราเป็นยังไง?

ที่ผ่านมา เวลาที่เราอยากทำอะไรที่มันอยู่นอกเหนือจากเส้นทางที่เราคุ้นเคย มันมักจะมีเสียงในหัวคอยกังวลว่า “คนอื่นจะคิดยังไง” บางทีอาจจะเป็นเพราะสังคมที่เราถูกเลี้ยงดูมา สังคมที่คาดหวังว่าเราจะเดินไปในเส้นทางที่ “ถูกต้อง” หรือ “เหมาะสม” ตามมาตรฐานของมัน แต่ถ้าคิดดีๆ การเรียนนวดมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดหรืออะไรเลย มันเป็นทักษะ เป็นศาสตร์ที่มีคุณค่า ทำไมเราต้องกังวลด้วยว่าถ้าเราบอกคนอื่น เขาจะมองเรายังไง? หรือจะคิดว่าเราตกอับจนต้องมาทางนี้?

แล้วทำไมเราถึงต้องมีเส้นทาง “ที่เหมาะสม” ด้วย? ใครเป็นคนกำหนด? ตอนเด็กๆ เราโตมากับการถูกสอนว่าให้ตั้งใจเรียน หางานดีๆ ทำ มีเงินเดือนมั่นคง ซื้อบ้าน ซื้อรถ มีครอบครัว แล้วก็เกษียณแบบสบายๆ แต่ไม่มีใครบอกเลยว่าระหว่างทางเราควรจะได้ลองทำอะไรสนุกๆ หรือเรียนรู้ทักษะที่มัน “ไม่เกี่ยว” กับงานหลักของเราแค่เพราะเราอยากทำ บางทีชีวิตมันก็ควรมี “อะไรนอกหลักสูตร” บ้าง ไม่ใช่เรียนรู้แค่ตามตำรา แต่ต้องเรียนรู้จากความอยากรู้อยากลองของตัวเองด้วย

บางครั้งเราก็ต้องถามตัวเองว่า “นี่ชีวิตเราหรือชีวิตที่คนอื่นอยากให้เราใช้?” ถ้าเราไม่เคยตั้งคำถามนี้ เราอาจจะใช้ชีวิตแบบอัตโนมัติ ทำตามที่สังคมบอกให้ทำโดยไม่รู้ตัว แล้ววันหนึ่งพอหันกลับมามอง อ้าว! เราเดินตามทางที่คนอื่นขีดไว้ให้จนลืมไปว่าเราอยากลองอะไรเองบ้าง

เรากลับมาทบทวนตัวเอง แล้วก็พบว่า ชีวิตที่ผ่านมามีหลายอย่างที่เราอยากทำ แต่เรามองข้ามไปเพียงเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองยังไง หรือกลัวว่ามันจะไม่ใช่เส้นทางที่ “ควรเป็น” แต่เมื่อโตขึ้นเรื่อยๆ เราก็เริ่มเข้าใจว่า ถ้าเรายังมัวแต่กังวลแบบนี้ เราอาจจะพลาดสิ่งดีๆ ไปอีกเยอะ

คิดดูสิ เรามีชีวิตอยู่แค่ครั้งเดียว แต่ต้องใช้เวลาทั้งหมดไปกับการกลัวสายตาคนอื่น มันคุ้มเหรอ? ถ้าหากวันนี้เราอยากไปเรียนดำน้ำ เรียนวาดภาพ หรือเรียนทำขนมปัง แล้วทำไมต้องรอให้เกษียณก่อนถึงจะทำได้? บางทีเราควรทำมันเดี๋ยวนี้เลย เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาอีกกี่ปี หรือเผลอๆ อาจจะไม่มีเวลาพอให้รออะไรเลยก็ได้

ลองมองดูเศรษฐีหลายคนที่มีเงินมหาศาล แต่พอถึงวาระสุดท้ายของชีวิต พวกเขาก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้เลย ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ก็ซื้อเวลากลับมาไม่ได้ จะกินอาหารหรูๆ กี่มื้อก็ไม่มีความหมายถ้าไม่มีแรงลุกขึ้นมากินเอง เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราควรสะสมอาจไม่ใช่แค่เงินทอง แต่เป็นประสบการณ์และความทรงจำที่ทำให้เรายิ้มได้เมื่อหันกลับมามอง

เราอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ อยากเรียนทำอาหารก็เรียน อยากไปเป็นช่างภาพก็ไป อยากลองเปิดร้านก็ลอง ถ้าเราไม่ลอง เราจะไม่มีวันรู้เลยว่าเราจะรักมันหรือไม่ หรือมันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเราไปเลยก็ได้ สิ่งเดียวที่เราควรจะคิดคือ “เรามีความสุขกับมันหรือเปล่า” ไม่ใช่ “คนอื่นจะมองว่าเราเป็นยังไง”

สุดท้ายแล้ว ชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิด อย่าปล่อยให้เสียงของคนอื่นดังจนกลบเสียงหัวใจตัวเอง ลองออกนอกกรอบบ้าง แล้วใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้ เพราะเมื่อถึงวันที่เราต้องจากโลกนี้ไป เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายว่า “รู้งี้ น่าจะลองทำไปตั้งนานแล้ว”

เพราะในท้ายที่สุด ไม่มีใครจำได้หรอกว่าเราทำตามที่สังคมบอกไว้ได้ดีแค่ไหน แต่เราจะจำได้เองว่าเรามีช่วงเวลาที่โคตรสนุกและมีค่ากับชีวิตนี้แค่ไหนต่างหาก

About The Author

Magazine 7 Author

Magazine 7 Author Subtitle

Magazine 7

Minimal Mag: Minimalist Magazine Theme